10 เรื่องต้องรู้ก่อนเริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้น
ตลาดหุ้น แยกเป็นสองตลาดคือตลาดแรกที่บริษัทนำเงินมาระดมทุนในตลาดเพื่อหาเงินทุน ส่วนที่เห็นซื้อๆขายๆกันที่เห็นข้อมูลเป็นแถบๆเวลาเปิดช่อง 9 ช่วงวันธรรมดา เขาเรียกว่าตลาดรอง ก็เหมือนตลาดทั่วไป สินค้าที่ซื้อขายกันคือหุ้นของบริษัท ในตลาดจะมีผู้ซื้อและผู้ขายมาเจอกัน เมื่อตกลงราคาและปริมาณซื้อขายกันได้ คนที่มาซื้อจะได้หุ้นไป คนที่ขายก็นำหุ้นให้ผู้ซื้อไปแลกกับได้เงินก้อนมา
2.ซื้อหุ้นแล้วผู้ถือหุ้นได้อะไร
เมือนักลงทุนซื้อหุ้นจากตลาดหุ้นตามข้อ 1. แล้ว สิงที่ได้รับมีสองส่วน ส่วนแรกคือความเป็นเจ้าของกิจการ เมือบริษัทมีกำไรนักลงทุนจะได้รับเงินปันผลตามสัดส่วนการถือหุ้น และส่วนที่สองคือส่วนต่างราคา จากการที่ราคาตลาดปรับตัวขึ้น สำหรับสาเหตุที่กำไรของบริษัทปรับตัวขึ้นเนื่องจากจำนวนหุ้นในตลาดหุ้นมีจำกัด ดังนั้นถ้านักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้นเห็นว่าบริษัทอนาคตน่าจะดี ก็ต้องมาเสนอซื้อในตลาดหุ้นในราคาที่สูงขึ้นคนที่มีหุ้นจึงยอมขายให้ทำให้ราคาตลาดปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ
3.บริษัทที่นำหุ้นมาขายในตลาดได้อะไร
ตลาดหุ้นเป็นตลาดที่ทำให้ผู้มีเงินกับผู้ต้องการเงินมาเจอกัน สำหรับเจ้าของบริษัทถ้ามีแผนงานที่จะลงทุนขยายงาน เพราะเห็นโอกาสการตลาดว่ายังสามารถเติบโตไปได้อีกมากมาย แต่เงินตัวเองก็ไม่พอ หนี้สินก็เต็มบริษัทกู้เพิ่มอีกไม่ได้
ทางเลือกทางหนึ่งคือการนำบริษัทเข้ามาจดทะเบียนระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยยอมเสียสัดส่วนการถือหุ้นลงนิดหน่อย แต่ได้เงินเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นกลุ่มใหม่ที่ใส่เข้ามา นำเงินไปใช้หนี้สินเดิมลงทุนให้กิจการเติบโตต่อไป
4.อยากซื้อขายหุ้นต้องทำอย่างไร
การซื้อขายในตลาดไม่สามารถส่งคำสั่งการซื้อขายกันโดยตรงไปที่ตลาดหุ้นโดยตรงได้ ได้ต้องผ่านตัวกลางการซื้อขาย หรือที่เรียกกันว่า โบรกเก้อ จะเป็นตัวกลางที่ส่งคำสั่งซื้อขายไปจับคู่กันที่ตลาด เมื่อการซื้อขายเกิดขึ้น นักลงทุนก็จ่ายค่าธรรมเนียมนิดหน่อย บริษัทโบรกเก้อก็จะจัดการงานหลังบ้านให้เช่นการชำระค่าซื้อขาย การโอนหุ้นมาเป็นชื่อเรา
สำหรับนักลงทุนที่อยากเปิดบัญชีการซื้อขายสามารถเข้าไปดูรายชื่อบริษัทโบรกเก้อได้ที่ www.settrade.com สำหรับผมแล้วมีเปิดบัญชีเกือบทุกโบรกฯ มองว่าแต่ละบริษัทมีบริการไม่แตกต่างกันมากเลือกบริษัทไหนก็ได้ตามสะดวกครับผม
5.ส่งคำสั่งซื้อขายอย่างไร
การซื้อขายหุ้น ก็เหมือนการซื้อสินค้าทั่วๆไปเดินเข้าไปในตลาดก็จะเจอพ่อค้าแม่ค้า กับลูกค้ากำลังประมูลต่อรองสินค้ากันอยู่ ถ้าคนที่มีหุ้นอยู่แล้วเวลาจะขายก็ไปต่อคิวจะขายหุ้นในฝั่ง เสนอขาย OFFER ซึ่งจะเข้าแถวกันตั้งแต่คนที่เสนอราคาต่ำที่สุดและสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนคนที่ยังไม่มีหุ้นก็จะเข้าไปต่อคิวที่ฝั่ง เสนอซื้อ BID ซึ่งจะเข้าแถวกันตั้งแต่คนที่เสนอซื้อราคาสูงสุด และแถวต่อๆมาคือคนที่ให้ราคาเสนอซื้อตำลงเรื่อยๆ
แต่ราคาตลาดยังไม่เกิดขึ้น เพราะฝั่ง เสนอขายและเสนอซื้อยังตกลงกันไม่ได้ ราคาตลาดจะเกิดขึ้นเมื่อ เสนอซื้อและเสนอขายมาเจอกัน ซึ่งเกิดขึ้นจากบุคคลที่ 3 เข้ามาซื้อขาย คนที่มีเงินอยากได้หุ้น ก็ไปซื้อกับฝั่ง เสนอขาย ไม่ต้องต่อคิว หรือคนที่มีหุ้นอยากขาย ก็ไปขายหุ้นกับฝั่งเสนอซื้อได้เลย ซึ่งราคาตลาดจะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาจากบุคคลที่สามมาซื้อๆขายกันนั่นเอง
6.ราคาหุ้นที่เคลื่อนไหวขึ้นกับอะไร
ในระยะสั้นราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวตามแรงซื้อและแรงขายตามคนในข้อ 5 ที่เกิดจากการคาดการณ์ผลประกอบการในอนาคตของกิจการ ถ้าในระยะยาวจะขึ้นกับความเป็นจริง กิจการมีผลประกอบการออกมากำไรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ราคาหุ้นก็จะปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ และเงินปันผลที่ได้ในแต่ละปีจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
7.วิเคราะห์หุ้นต้องดูอะไรบ้าง
เมื่อผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นสะท้อนผลประกอบการ ดังนั้นการวิเคราะห์หุ้นก็คือการวิเคราะห์มองอนาคตผลประกอบการนั่นเองในการวิเคราะห์หุ้นจะประกอบไปด้วยสามส่วนหลักๆที่ต้องมองพร้อมๆกันคือการวิเคราะห์พื้นฐานของกิจการว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร การวิเคราะห์ปัจจัยเร่งมองหาปัจจัยที่ทำให้กำไรของบริษัทเติบโตได้ในอนาคต และสุดท้ายคือการประมาณการมูลค่าเหมาะสมว่าราคาถูกหรือแพงอย่างไร
8.กลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นมีอะไรบ้าง
การลงทุนในตลาดหุ้นจะมีวิธีการหากำไรในตลาดอยู่สองวิธีหลักๆคือ กลุ่มแรกหากำไรจากการส่วนต่างราคาเพราะเห็นว่าราคาตลาดเปลี่ยนแปลงทุกวันถ้าจับจังหวะดีๆก็หากำไรจากการซื้อๆขายได้ กลุ่มที่สองเป็นนักลงทุน ก็จะไปลงทุนในบริษัทที่มีพื้นฐานดี มีปัจจัยเร่งให้เติบโต และราคาปัจจุบันไม่แพงมากเมื่อเทียบกับมูลค่าเหมาะสม แล้วถือไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง พื้นฐานแย่ลง หมดปัจจัยเร่ง และราคาปัจจุบันแพงไป
9.หาข้อมูลหุ้นจากไหน
ข้อมูลในการวิเคราะห์หุ้นส่วนใหญ่เป็นข้อมูลที่เปิดเผยทั้งแผนธุรกิจที่ผู้บริหารออกมาพูดตามสื่อต่างๆ งบการเงินและข่าวสำคัญเช่นการลงทุนธุรกิจต่างๆ การขายสินทรัพย์ การซื้อสินทรัพย์ รายงานที่ปรึกษาการเงิน ที่ต้องรายงานตามข้อบังคับของตลาดหุ้น ซึ่งรวมๆกันแล้วเป็นข้อมูลที่มหาศาล
ดังนั้นปัญหาของนักลงทุนจึงอยู่ที่จะใช้ความรู้มาย่อยๆข้อมูลปริมาณมหาศาลมาเป็นข้อมูลสำหรับการตัดสินใจลงทุนได้อย่างไรซึ่งจุดนี้เป็นเรื่องของศาสตร์และศิลปะที่ต้องสะสมเรื่อยๆครับ
10.เริ่มต้นลงทุนต้องใช้เงินเท่าไร
การลงทุนในตลาดหุ้น ไม่มีข้อกำหนดขั้นต่ำว่าต้องใช้เงินเท่าไร สำหรับผู้เขียนเองก็เริ่มต้นลงทุนจากเงินจำนวนน้อยๆ หลักพันบาททำงานไปได้เท่าไรมีเงินออมก็นำมาลงทุนเรื่อยๆ
โดยสรุปแล้วผมว่าการลงทุนในตลาดหุ้นถือเป็นทางเลือกที่ดี การเริ่มต้นก็ไม่ต้องใช้เงินลงทุนที่สูงมากมีเงินแค่หลักพันบานก็สามารถลงทุนได้ ข้อมูลก็หาได้ทั่วไป ขอแค่มีความรู้ในการลงทุนเพื่อที่จะตัดสินใจว่าจะนำเงินไปลงทุนไหนดี